สุดท้ายแล้วสำหรับวันนี้ เราจะนั่งรถบัสไปยังวัด Kiyomizudera วัดอันมีชื่อเสียง จากระเบียงไม้ของวัดที่ตั้งอยู่ไหล่เขา จากวัด Ginkakuji ก็ง่ายมาก มาขึ้นรถบัสที่ป้ายเลยต้น Path of Philosophy มานิดหน่อย ตอนนั้น ไปถึงรถมาพอดีเลย นั่งสายเดียวก็ถึงเลย พอลงที่ป้าย ก็มีป้ายบนให้เดินเข้าซอยไป เดินไปได้สักพักใหญ่ ก็จะเป็นทางขึ้นเขา ซึ่งตลอดสองข้างทางจะมีร้านขายของที่ระลึก และขนม ของกินตลอด ซึ่งเยอะกว่าตรงวัด Ginkakuji เพราะว่า ทางมันไกลกว่า รวมระยะเวลาน่าจะเดินไม่ต่ำกว่า 20 นาทีได้ ก็จะถึงวัด ด้านหน้าจะเห็น ประตูวัดสีแดงขนาดใหญ่ แล้วมองไปด้านขวาหน่อย ก็จะเห็นเจดีย์ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะมีวิหารต่างๆ แล้วก็จ่ายค่าธรรมเนียมตามระเบียบ 300 เยน ที่วัดนี้จะเพิ่งมาเห็นสาวๆ ญี่ปุ่น(รวมถึงคนแก่ด้วย แต่ไม่ขอพูดถึง) แต่งชุดกิโมโนมาไหว้พระกันหลายคนเลย และแล้วเราก็เดินมาถึงระเบียงไม้ เลื่องชื่อ ตรงนี้วิวดีจริงๆ พอดีมีกลุ่มสาวๆ มาให้ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ก็เลยให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ตอนแรกเค้าก็นึกว่าเราเป็นคนญี่ปุ่น แต่พอเราใส่ภาษาอังกฤษใส่เค้า ก็เลยหันมาถามว่าเราเป็นคนจีนหรอ ก็บอกว่าเป็นคนไทย แล้วก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ทั้งกลุ่ม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม สงสัยเป็นแฟน goft-mike หรือป่าวไม่รู้ พอเห็นเป็นคนไทยเหมือนกันเลยกรี๊ดกันใหญ่ เดินออกจากระเบียงไม้ ไปทางด้านซ้าย จะเจอกับศาลเจ้า Jishu ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความรัก คู่ครอง สังเกตุได้จากจะมีผู้หญิงเยอะเป็นพิเศษ บางคนมากับเพื่อนกลุ่มผู้หญิง บางคนมากับแฟน เข้ามาในศาลก็จะเจอกับ Love Stone เค้าชื่อว่า ถ้าเราหลับตาแล้วสามารถเดินผ่านก้อนหินได้โดยไม่ชน ก็จะพบกับความรักในเร็ววัน ถ้าชนก็จะอีกนาน แต่ถ้ามีคนช่วยบอกให้เดินซ้าย เดินขวา ไรงี้ เค้าก็จะเชือว่า จะต้องมีคนมาช่วยแนะนำถึงจะพบรัก ตัวศาลก็ทางสีแดงสดเช่นเดียวกับศาลอื่นๆ ศาลนี้แม้จะไม่ใหญ่โต แต่ก็มีผู้คนมากมายเข้ามา พอออกจากศาล Jishu ก็จะเดินต่อไปยังระเบียงไม้อีกอันนึง จากระเบียงนี้ เราจะเห็นความสูงของระเบียงไม้แรก และโครงสร้างของไม้ที่นำมาสร้างค้ำระเบียงไว้ ตอนนี้เราก็จะเดินลงเขา ระหว่างทางก็จะมีเจดีย์เก่า และศาลเจ้าสุนัขจิ้งจอก พอลงมาถึงข้างล่าง ก็จะเจอกับผู้คนเข้าคิวกันดื่มน้ำ ที่ไหลมาจากหลังคา 3 สาย เค้าบอกว่าน้ำนี้เป็นน้ำที่ไหลจากยอดเขามานานหลายร้อยปีแล้ว ซึ่งสายน้ำแต่ละสาย ก็จะมีความเชื่อที่ต่างกัน คือ สายแรก จะช่วยให้ประสบความสำเร็จด้านการศึกษา สายที่ 2 จะเป็นความรัก และสายที่ 3 จะเป็นสุขภาพแข็งแรง จำไม่ได้เหมือนกันว่าดื่มสายไหนไป แต่น้ำไม่เย็นอย่างที่คิดเลย ทั้งๆ ที่อากาศข้างนอกหนาวแบบนั้น ส่วนขันที่เอามารองน้ำนั้น เค้าจะมีที่ใส่ให้ฆ่าเชื้อได้ก่อนจะไปรองน้ำอีกด้วย ก็หมดแล้วสำหรับวัด Kiyomizudera
ขากลับหาอะไรกินรองท้องระหว่างทางลงจากวัด Kiyomizudera ก็ลองซื้อเป็นพวกปลาที่เค้าบด มาต้มแล้วเสียบไม้ไรงี้ เค้าเรียกอะไรสักอย่าง จำไม่ได้แล้ว แล้วก็ซื้อซาลาเปา แต่ซาลาเปาที่นี้ เหมือนกับเอาไปทอดแป๊บนึง แล้วค่อยมานึ่ง รสชาติก็อร่อยดี ไส้เยอะ แล้วก็แป้งเหนียวๆ แปลกดี จากตรงนี้ก็ไปขึ้นรถเพื่อกลับสถานีโตเกียว เพื่อจะไปโรงแรม chk-in ซะที หลังจากที่ตอนเช้าล้มเหลว ก็ไปรอที่ป้ายเดียวกับตอนที่ลงมาแหละ ตอนนี้คนเริ่มเยอะแล้ว สังเกตุคนส่วนใหญ่ที่มารอนี่จะเป็นนักท่องเที่ยว ทั้งชาวญี่ปุ่นเอง และก็คนจีนก็เห็น รอนานมากกว่ารถจะมา พอขี้นไปก็คนเยอะมาก รู้สึกเหมือนขึ้นรถเมล์เบียดๆ ที่ไทยเลย โชคดีที่ยืนได้สักพักก็ได้ที่นั่งและป้ายที่เราจะลงก็เป็นป้ายสุดท้ายเลย นั่งนานพอควรก็ถึงสถานี Kyoto พอถึงก็ไปเอากระเป๋าที่ locker แล้วเดินไปที่ Kyoto White Hotel
พอเดินเข้าไปก็เจอกับคุณลุง แอบดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจยังไงไม่รู้ ออกมาต้อนรับ เป็นภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่ออกเว้ย พอบอกภาษาอังกฤษไป ลุงแกก็ไม่รู้เรื่อง พูดไปพูดมา ก็เอาห้องมาดู แล้วก็ชี้ว่าจะเอาห้องนี้ เสร็จ ก็ให้เขียนชื่อ ก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษ แกก็อ่านไม่ออก อะไรเนี่ย ก็เลยอ่านให้ฟัง อ่านเป็นสำเนียงอังกฤษ ก็ยังงง ดีนะที่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่น เลยลงท้ายด้วย to ก็เลย อ่อ จ่ายเงิน 3,300 แล้วก็โอเคให้กุญแจมา ก็ถอดรองเท้าไว้ข้างหน้า แล้วก็เดินขึ้นไปที่ห้อง พอเข้าไปในห้องก็ให้กว่าตอนที่อยู่ Osaka ห้อง 4 เสื่อได้ มีฟูก มีทีวี แต่ทีวีต้องเสียเงิน ไม่มีหน้าต่าง แต่ด้านบน มีรูให้แสงให้ลมเข้า ในห้องก็มีแอร์อยู่เครื่องนึง ลองเปิดดู เอ๊ะ ทำไมมีแต่ลมเย็นออกมา ที่ remote ก็เป็นภาษาญี่ปุ่น กดเท่าไหร่ก็ยังเย็น อะไรวะ ลองไปถามลุงดีกว่า จริง ก็ไม่ค่อยอยากไปถามหรอก ดูลุงแก ไม่ค่อยต้อนรับแขกยังไงไม่รู้ ลงไปก็ไม่เจอ อะไรวะ หายอีกแล้ว เอาเหอะ เดี๋ยวออกไปกินข้าวก่อนละกัน เดินกลับไปที่สถานี Kyoto ด้านล่างของสถานี จะมีห้างอยู่ แต่ส่วนใหญ่มีแต่ร้านอาหารอย่างเดียว ก็เดินวนรอบนึง มีร้านน่าสนใจหลายร้าน เช่น ร้านข้าวห่อไข่ แต่คนเยอะอะ สุดท้ายก็เลือกร้านอุด้ง เข้าไปในร้าน ก็ถามว่าจะเอาเส้น อุด้ง หรือโซบะ จะเอาร้อน หรือเย็น ไรงี้ รสชาติก็ใช้ได้ จืดๆ เค็มๆ เส้นนี้เหนียวดี กินเสร็จ ก็เดินกลับมาที่โรงแรม ก็ยังไม่เห็นตาลุงนั้น เลยลงไปอาบน้ำ เสร็จ คืนนี้นอนอย่างนี้ก็ได้วะ ห่มผ้าหนาๆ หน่อย ก็อุ่น ไหนๆ ก็แช่น้ำร้อนมาแล้ว วันนี้นอนตั้งแต่ประมาณ 3 ทุ่มได้ โดยไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น