จากเกาะ Miyajima เราก็จะนั่งเรือ แล้วต่อรถไฟ JR กลับไปยังสถานี Hiroshima จุดหมายของเราตอนบ่ายนี้ก็คือ Peace Memorial Park หรือสวนสันติภาพ อนุสรณ์แห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามคู่มือบอกไว้ว่า ให้นั่ง street car สาย 2 หรือ 6 ไปได้ เดินออกจากเจอรถเมล์สาย 2 พอดี สงสัย street car มันคือ รถเมล์ของที่นี้มั้ง รีบวิ่งขึ้นไปเลย ตอนแรกก็ งงๆ ไม่แน่ใจว่าไป Memorial Park ได้หรือป่าว แต่บนรถเค้าก็พูดว่าจะไป โอเคๆ ถูกคันแล้ว นั่งไปไม่ถึงนาที เอ๊ะ มีรถรางด้วย สาย 2 อีกต่างหาก ตายห่า เข้าใจผิดอีกแล้ว street car มันคือ รถรางหรอกหรอ แล้วนี่นั่งเนี่ยจะถึงไหมนะ แต่มันก็บอกแล้วนี่ว่าไป Memorial Park มันคงไปหลอกหรอก
นั่งไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง ก็ตั้งใจฟังว่า next stop คืออะไร ชมวิวเมือง Hiroshima ผ่านย่าน shopping ที่เป็นห้างๆ ด้วยความกลัวว่าจะหลงอีกไหมเนี่ย นั่งไปได้สักพัก ก็มีเสียงประกาศว่า next stop is Peace Memorial Park ถึงแล้ว ก่อนลงก็หยอดเงิน ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 100 กว่าเยนได้ ตามคู่มือบอกว่า พอลงไปปุ๊บ จะเจอกับ A-bomb Dome เป็นซากของตึกที่ยังคงหลงเหลือจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ทำไมมีแต่ตึกสูงๆ เนี่ย เมื่อกี้ก็ฟังไม่ผิดนี่หน่า มองซ้าย มองขวา 2-3 รอบ นั้นไง ป้ายชี้บอกทางไป Peace Memorial Park เดินต่อไปอีกนิดหน่อย แล้วข้ามสะพาน ก็จะเห็น Peach Memorial Park แล้ว
ดูจากภายนอก รู้สึกว่าเป็นสวนที่ใหญ่ดี แต่รู้สึกจะแห้งแล้งยังไงไม่รู้ สงสัยเพราะว่าเป็นฤดูหนาวมั้ง ด้านหน้าจะมีตึก ซึ่งชั้น 2 จะเป็นพิพิธภัณฑ์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ได้เดินขึ้นไปดู เดินผ่านตึกเข้ามา จะเห็นอนุสาวรีย์สร้างเป็นรูปอานม้า เด่นอยู่ตรงกลาง ใต้อานม้า จะมีหินรูปร่างคล้ายโลงศพ มีสลักอักษรเป็นภาษาญี่ปุ่นไว้ ถ้าเรามองลอดออกไป จะเห็นเปลวไฟอยู่ ซึ่งเปลวไฟนี้จะไม่ดับ เค้าบอกว่า เปลวไฟนี้จะดับก็ต่อเมื่อ ระเบิดปรมาณูในโลกได้หมดไปแล้ว มองเลยเปลวไฟไปอีก เราก็จะเห็น A-bomb Dome ซึ่งเราจะเดินไปนั้นเอง พอเดินเลยอนุสาวรีย์รูปอานม้ามา ก็จะเป็นฐานเปลวไฟ ที่บอกไป ข้างๆ ก็จะมีต้นไม้ ตัดแต่งเป็นรูปร่าง อ้วนๆ ไม่รู้ว่ามีความหมายอะไรหรือป่าว
พอเดินเลยฐานเปลวไฟมา ก็จะเห็นอนุสารีย์ของเด็ก ซึ่งถือว่าเป็น hi-light ของสวนนี้อีกอันเหมือนกัน คิดว่าทุกคนคงจะรู้จักเรื่องของ เด็กผู้หญิง ชื่อ Sadako Sasaki ที่พับนกกระดาษ 1,000 ตัว ด้วยความหวังที่จะทำให้ ตัวเองหายปวดจากกัมมันตภาพรังสีจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 หวังว่าทุกคนจะเคยได้ยินเรื่องเศร้าของเธอมาบ้าง ทุกวันนี้ก็ยังมีเด็กๆ จากที่ต่างๆ ยังพับนกมาให้เธออยู่ ซึ่งเราจะเห็นได้จากตู้ที่อยู่ด้านหลังของอนุสาวรีย์ ซึ่งใส่ นกจากเด็กๆ ที่ส่งมาให้ทางสวนอยู่มากมาย เดินไปจนสุดสวน ก็จะเจอกับ A-bomb Dome อยู่อีกฟากนึงของแม่น้ำ ระหว่างทางที่เดินไปยังสะพานเพื่อข้ามไปยัง A-bomb Dome เราจะเจอกับ Bell of Peace ซึ่งสร้างเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถณาที่จะให้ สงครามนิวเคลียสหมดไป และให้โลกอยู่กันอย่างสันติสุข ถัดจาก Bell of Peace ก็จะเจอกับ Peace Clock Tower โดยทุกๆ เช้าตอน 8:15 ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดระเบิดขึ้น นาฬิกานี้จะส่งเสียงออกมา เพื่อเป็นการอ้วนวอนถึงสันติภาพของโลก เดินต่อไปยังสะพาน Aioi ซึ่งสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ จากสะพาน Aioi เดิมที่ถูกทำลายโดย ระเบิดปรมาณู ตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วเราก็จะถึงกับ A-bomb Dome แล้ว
ก่อนถึง A-bomb Dome เราจะพบกับอนุสาวรีย์ เล็กๆ อีก 2-3 อัน A-bomb Dome นั้นมีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Genbaku Dome เดิมนั้นที่เป็นสถานจัดแสดงสินค้าของ Hiroshima นี้ A-bomb Dome เป็นซากตึกเดียว ที่ยังหลงเหลืออยู่จากระเบิดปรมาณูครั้งนั้น ตอนนี้ก็ถูกอนุรักษ์ให้ยังคงสภาพเช่นแต่ก่อน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความหวังถึงสันติสุขของโลก ความจริง Peace Memorial Park นั้นยังมีอนุสารีย์อีกหลายอันที่สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ว่ายังต้องกลับไป Osaka เที่ยวต่อ ก็เลยกลับเลย
ชื่นชมกับซากตึก A-bomb Dome เรียบร้อยลองมองนาฬิกาเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงได้ รถ Hikari จะออกจาก Hiroshima งั้นลองนั่ง street car นี่แหละ ทันแน่ๆ แค่ตรงไปเรื่อยๆ ไม่เท่าไหร่ก็ถึงแล้ว เอาเข้าจริง แม่งเล่นจอดทุกป้าย แถมมันเป็นรถรางอยู่บนถนน ก็ต้องรอไฟแดงเหมือนรถปกติอีก กว่าจะถึงสถานี Hiroshima ก็เหลือเวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น พอลงจากรถปุ๊บ กูก็วิ่งเลย ไม่สนใจใคร ไปถึงพอ platform ได้พอดีเป๊ะ รถ Hikari ขบวน 14:10 จอดรออยู่ รีบวิ่งเข้าไป ที่รถขบวนที่ reserve ก่อนแล้วค่อยเดินไปยังคันที่ non-reserve ในที่สุดก็หาที่นั่งได้ เกือบตาย เหนื่อยมาก นั่งหอบ ถ้าไม่ทันขบวนนี้ก็ต้องรออีก 1 ชั่วโมงเต็มๆ ตอนนี้ก็หิวแล้ว เอาข้าวหน้าปลาไหลจืดๆ ที่ซื้อมาแล้วมากินดีกว่า
วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น