ตอนนี้ก็เย็นแล้ว ถึงเวลาไปหาไรกินอาหารเย็นดีกว่า จากสถานี Morinomiya นั่งรถไปลงสถานี Namba ย่าน shopping กินข้าว แต่จุดหมายของเราที่จะไปก็คือ Dotonbori พอลงไปก็ งง อีกแล้ว เดินไม่ค่อยถูก ก็เดินๆ ก็เป็นตึกๆ เอ๊ะ ไม่เห็นมีร้านอาหาร อะไรแบบในรูปเลย อยู่ไหนหว่า หยิบแผ่นที่มาดู ก็อ้าว นี่เดินวนไปอีกทางหรอเนี่ย เดินวนกลับมา เลี้ยวไปอีกที นั่นไง แสงไฟ นั่นไงป้ายปูอลาสก้า ในที่สุดก็ถึงแล้ว Dotonbori
ขาปูอลาสก้าย่าง ส่งกลิ่นหอมฉุย มาแต่ไกล ร้านค้าแถวนั้น แต่งป้ายกันแบบไม่ยอมแพ้กันเลย บางร้าน เน้นความใหญ่ ป้ายใหญ่ๆ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี บางร้าน เน้นไฟ ก็มีไฟวิ่งไปวิ่งมา สว่างไสว บางร้าน เน้นโลโก้ ตุ๊กตา มีหุ่นขยับไปขยับมา เช่น ยักษ์ ปลาปักเป้า มังกร ตัวคานุกิ เป็นต้น เดินชมก่อนก็แล้วกัน ว่ามีไรบ้างที่ถนนนี้ ตลอดทางก็จะเป็นร้านขายอาหาร ซึ่งอาหารที่ขาดไม่ได้สำหรับ Osaka นั้นก็คือ Takoyaki และ Okonomiyaki ตลอดทางมีไม่ต่ำกว่า 10 ร้านได้ บางร้านก็ hot hit มีคนต่อคิวยาว บางร้านก็เงียบเหงาหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีคน ทุกร้านค่อนข้างคึกคักกันหมด ร้านที่น่าสนใจก็จะมี ร้าน Glico ร้านนี้ก็จะขายขนมกูลิโกะที่เป็นแนวของที่ระลึกมากกว่า ขนมทั่วๆ ไป เช่น Capulico ชาเขียว ซองเป็นลายโลโก้ของกูลิโกะ ที่เป็นคนวิ่งชูมือ อะไรประมาณนั้น อีกร้านอันนี้จะดังที่ตัวตุ๊กตาที่อยู่หน้าร้าน ชื่อว่า Kuidaore เป็นตุ๊กตารูปคนใส่ชุดลายทางสีแดงสลับขาว ตีกล้อง ตั้งอยู่หน้าร้าน เพื่อเรียกคนเข้าร้าน เดินไปเรื่อยๆ จนสุดถนน ก็ยังไม่เจอมุมยอดฮิตที่หนังสือทุกเล่มต้องถ่ายมุมนี้มาลงเลย งั้นลองเดินวกข้ามคลองไปอีกถนนนึงที่ขนานกันดูละกัน
ถนนนี้แหละ จะพบกับแหล่งบันเทิง แบบญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ตลอดทางก็จะมีร้าน show girl เหมือนกันหมด หน้าร้านก็จะมีคล้ายเด็กเรียกแขก พอมองเข้าไปก็จะมี poster รูปเด็กผู้หญิงใส่ชุด maid ทำท่าคิกขุ น่ารัก ตอนนั้นกำลังหน้ามืด เลยเลี้ยวเข้าไปทันที เฮ้ย ไม่ใช่ ก็รีบเดิน ไม่สนใจเด็กเรียกแขก แปลกที่ถนนนี้มันเงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนเลย นานๆ จะเจอคนเดินสวนมาที ส่วนใหญ่บนถนนมีแต่เด็กเชียร์แขก คิดว่าพอดีตอนนั้นยังไม่ดึก แถวนั้นเลยยังไม่คึกคัก พอเดินจนสุดถนนนี้ ในที่สุดก็เจอแล้ว landmark ที่ทุกคนต้องถ่ายรุปกัน ป้ายโฆษณาไฟ nion ขนาดใหญ่ หลายป้าย หลากสี แต่ที่โดดเด่น และถือเป็นสัญลักษณ์ของแถวนี้ไปแล้วก็คือ ป้ายไฟของ Glico ตัวนักวิ่งสีขาว สลับกับไฟสีน้ำเงิน และแดง พื้นหลังก็จะมีรูป สถานที่สำคัญของ Osaka เช่น Osaka Castle รู้สึกตื่นตากับแสงสี นึกถึงตอนไป New York แล้วไปเจอไฟที่ Time Square เป็นครั้งแรก อยากให้เมืองไทยมีบรรยากาศแบบนี้จัง ป้ายโฆษณาใหญ่ๆ ไฟ nion สว่างจ้า ทั่วถนน อากาศเย็น ผู้คนใส่เสื้อกันหนาว แต่งตัวกันสวยงาม อะ พอ กลับมาสู่ reality ป้ายโฆษณาเหล่านี้ ตั้งอยู่ริมคลอง จุดที่เราจะสามารถมอง และถ่ายรูปได้ ก็คือบนสะพาน จริงๆ แล้วตรงนี้ มันอยู่ที่เดียวกับ ร้านที่ย่างปูแล้วเลี้ยวซ้ายมานี่แหละ แต่ว่าตอนแรกที่มาถึง มัวแต่มองตรง เลยไม่ทันเห็นป้ายพวกนี้ เซ่อจริงๆ กู มองไปอีกด้านนึงของสะพาน จะมีตึกที่มีชิงช้าสวรรค์ รูปร่างไม่เหมือนที่อื่น นั่นคือ หมุนเป็นรูป capsule ตั้งขึ้น นั้นก็คือ มีช่วงที่จะเลื่อนขึ้น หรือลง เป็นเส้นตรงด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ปิด หรือยังไงไม่รู้ ไฟถึงได้มืดแบบนั้น
จากสะพาน ถ้าเราเดินไปอีกด้าน ก็จะเป็นย่าน shopping เป็นถนนคนเดิน มีหลังคาอยู่ข้างบน ตลอดสองข้างทางก็จะมีร้านขายของมากมาย มีทั้งเสื้อผ้า หลากหลายแนว นอกจากนี้ก็ยังมีร้านอาหารอีกด้วย คนค่อนข้างจะเยอะ แต่ช่วงนั้น รู้สึกว่ายังไม่อยาก shopping เท่าไหร่เลย เดินไปนิดเดียว ไม่ลึกก็เดินกลับออกมา แต่ขนาดไม่ค่อยอยาก shop ยังไปแวะลองกางเกงที่ Uniquo ไปตัว เป็นกางเกง jean ทรง skinny fit ทรงสวยมากเลย แล้วก็ทำเปิ่น ใส่รองเท้าเข้าห้องลองเข้าเฉย พนักงานวิ่งมาบอกให้ถอดแทบไม่ทัน แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ซื้อดีกว่า ไว้ไปซื้อที่ Tokyo ขี้เกียจแบก ไม่แน่ใจว่า ถนนนี้ ชื่อว่า Shinsaibashi หรือป่าวนะ ถ้าใครรู้ก็ช่วยบอกที
ถึงตอนนี้ไปหาไรกินดีกว่า เดินกลับไปตรง Dotonburi ร้านแรกที่แวะก็คือ ร้านขาปูอลาสก้าย่างนี่แหละ กลิ่นมันหอมยวนใจมาก จ่ายไป 500 เยนได้มาขาปู 2 ท่อน กินเข้าไป อร่อยมาก สวรรค์มีจริง เนื้อปูหวาน มีรสเค็มๆ เล็กน้อย น่าจะมาจากการโรยเกลือ เนื้อเนี่ยยุ่ยออกมาเป็นเส้นๆ เลยเวลากิน แล้วอากาศเย็นแบบนี้ กินของร้อนๆ เข้าไปมันมีความสุขนักแล ต่อไป มาถึง Osaka สิ่งที่ต้องกินก็คือ Takoyaki กับ Okonomiyaki งั้นเรามาลอง Takoyaki ละกันหาง่ายดี มีร้านแบบรถเข็นตั่งอยู่ริมถนนตลอดทาง ตอนนี้อยู่ช่วงต้นถนน ก็มีอยู่ 2 ร้าน งั้นเลือกร้านที่มีคนต่อดีกว่า ลองกินดูก็เฉยๆ ไม่ได้อร่อยมากมาย ยังชอบ Gindaco มากกว่า ต่อไป เลือก Okonomiyaki ดีกว่า เดินไปเดินมา มันมีแต่เป็นร้านๆ เข้าไปนั่งกินเลย ตอนนั้นไม่กล้าเข้าไป รู้สึกเหนื่อย ถ้าต้องไปสู้ ถ้าเกิดใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เลยไม่มีทางเลือก ลองกินร้านรถเข็นข้างทาง แค่ชี้ แต่ร้านนี้มันทำสำเร็จแล้ว พอสั่งมันก็จะเอามาทำให้ร้อน แล้วเพิ่มไข่ เพิ่มซอสอะไรลงไป ประมาณนี้ ก็โอเค ซอสเค็มเชียว แต่ผักนี่กรอบอร่อยดี ตรงกันข้ามกับร้าน Okonomiyaki ข้างถนนนี้ ก็จะมีร้าน Takoyaki อีกร้านเช่นกัน เห็นคนต่อคิวเยอะมากเลยอะ ก็เลยลองซื้อมาชิมดีกว่า กินเข้าไป ข้างนอกก็รู้สึกยังไม่กรอบดีเลย สงสัยเพราะคนต่อเยอะ เลยต้องรีบทำ ลูกก็เล็ก แต่ใส่ปลาแห้งมาให้เยอะสะใจดี เดาว่าที่คนเยอะ เพราะว่าร้านนี้ขายถูกกว่าร้านอื่น แล้วพอคนเห็นคนต่อคิว ก็เลยต่อบ้าง ไรงี้ อิ่มแล้ว กลับโรงแรมนอนดีกว่า จาก Namba เราสามารถขึ้น JR Osaka Loop กลับไปโรงแรมได้ เช่นเคยมีบัตร JR Pass งานนี้ฟรี
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น