เข้าไปดูเลยละกัน จ่ายค่าเข้าชม 600 เยน เดินขึ้นไปปราสาท ก็จะเจอกับบ่อน้ำ กับปืนใหญ่ เข้าไปก็มีพนักงานออกมา ต้อนรับ แล้วพาเราเข้า lift ไป พอเข้าไปถึง
![]() | ||
| Staff: *$%#^%#@^#@$^%*$@&%* (ใส่มาเป็นชุด) Me: (ช็อคเล็กน้อย แล้วตอบกลับด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นอันน้อยนิด ที่เคยเรียนมา)Nihongo wa wakarimazen (แปลว่า ไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น) Staff: (ทำหน้า เข้าใจ แล้วพยายามพูดภาษาอังกฤษ) Where are you from? Me: Thailand Staff: Taiwan? Me: No. Thailand. Thai. Staff: (ทำปากอ๋อ) Hai Hai (แต่หน้าเธอยัง งง อยู่ แล้วเธอก็อธิบายว่า เนี่ยจะพาไปส่งที่ชั้น 5 นะ ถ้าจะชมวิว ก็สามารถเดินขึ้นไปต่อเองได้ ส่วนชั้น 3-4 นี่ห้ามถ่ายรูปนะ แล้ว lift ก็ถึงชั้น 5 พอดี) | ||
![]() |
ที่ปราสาท Osaka นี้ที่เห็นข้างนอกยังเป็นปราสาทสวยงามแบบสมัยก่อนอยู่ใน ความจริงภายในถูกดัดแปลง ตกแต่งใหม่ให้ทันสมัยหมดทั้งปราสาท ทั้งติดแอร์ มี lift และภายในก็ถูกจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โชว์ของล้ำค่ามากมาย เรามาต่อกันดีกว่า พอออกจาก lift ที่ชั้น 5 ก็จะเจอกับวิดีทัศน์ เล่าเรื่องสงครามที่ Osaka แต่เค้าทำได้ดีมากเลย คือ จะมีจออยู่หลายๆ จอ แต่ละจอ ก็จะฉาย vdo ไปที่ฉากใสๆ กลางจอ แล้วข้างๆ ก็จะเป็นรูป ต้นไม้ ใบหญ้า สิ่งก่อสร้าง ประกอบฉาก พอเรามองเข้าไป ก็จะคล้ายๆ ภาพ 3 มิติ ที่ลอยอยู่ตรงกลางจอ หวังว่าคงจะจินตนาการออกนะครับ มันเป็นอะไรที่เจ๋งมากอะ ชอบ ส่วน hi-light อีกอันคือ ชั้นบนสุด ชั้นที่ 8 ก็จะเป็นที่ให้ชมวิวเมือง Osaka ก็เหมือนกับที่ Himeji Castle ที่เราสามารถชมวิวได้ทั้ง 4 ทิศ จากชั้นนี้ เราก็จะเห็นช่อฟ้ารูปปลาสีทองอร่าม ที่ประดับอยู่บนหลังคาปราสาท ได้อย่างชัดเจน สวยมากเลย เรากลับมาที่ชั้น 3-4 ที่ห้ามถ่ายรูป ชั้นนี้เป็นชั้นที่แสดงโบราณวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดผ้าของโชกุน เสื้อเกราะ ภาพวาด หนังสือ อะไรพวกนั้น แต่ที่ไม่เข้าใจอยู่อย่างก็คือ บนชั้นนี้ก็มีป้ายห้ามถ่ายรูป ถ่าย vdo ที่เป็นทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ แปะอยู่เป็นระยะๆ แต่ทำไมก็ยังมีคนอ่านหนังสือไม่ออก ถ่ายรูป ถ่าย vdo ยิง flash กันให้แสบตาแบบนั้น ไม่เข้าใจจริงๆ
1 ชั่วโมงกับการชม Osaka Castle หมดแล้ว รวดเร็วจริงๆ พอดีคราวนี้ต้องการเร่งเวลา เลยไม่มีเวลานั่งอ่านว่าของแต่ละชิ้นคืออะไร ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน (หวังว่าจะได้กลับไปเที่ยวอีก) ออกจากปราสาท ลองเดินมาโซนที่ขายอาหาร ก็เห็น Takoyaki ขายอยู่ ว่าแล้วขอลองหน่อยละกัน กินเข้าไป กรอบนอก นุ่มในจริงๆ แต่จืดเช่นเคย น้ำซอสที่ราดก็แห้งๆ ตอนนั้นไปกิน Takoyaki ของ Gindaco ที่ฮ่องกง จำได้ว่าอร่อยกว่านี้อะ สงสัยนี่คนละร้าน ไม่เป็นไร ให้อภัย บริเวณใกล้ๆ ก็จะมี Time Capsule เก็บข้อมูลต่างๆ ของงาน EXPO ที่จัดที่ Osaka เมื่อปี 1970 ข้างจะอธิบายถึงโครงสร้างข้างใน ดูแล้วรู้สึกลึกมากเลยของที่ฝั่งไว้ข้างใต้นี้
ตอนนี้ก็ 5 โมงแล้ว ไปจุดต่อไปต่อดีกว่า เดินออกจากปราสาท ก็กะจะไปวัดที่เจอก่อนที่จะเข้ามาที่ปราสาทก่อน ไปถึงก็ถ่ายรูปๆ และแล้วเรื่องที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น นั้นคือ กำลังถ่ายรูปอยู่ดีๆ ที่ LCD ของกล้อง ก็ม่วงไปครึ่งหนึ่ง ตายห่า เกิดไรขึ้นเนี่ย และแล้วก็นึกได้ว่า กล้องที่ใช้อยู่ คือ Canon A95 นั้นมันมี defect ถ้าไปเจออากาศที่หนาวเย็นมาก CCD มันจะเสีย! โอ พระเจ้า ทำไมต้องมาเกิดกันตอนนี้ด้วย คิดไปต่างๆ นานา จะซื้อกล้องใหม่เลยดีไหมวะ คือก่อนหน้านี้มีความคิดว่าอยากได้กล้อง SLR สักตัว เฮ้ยไม่เอาๆ ยังไม่พร้อมขนาดนั้น ทำไปทำมา มันเกิดเพราะอากาศหนาวใช่ไหม งั้นก็เอามือกำไว้ ให้มันอุ่นขึ้น น่าจะช่วยได้ กำไปสักพัก เฮ้ยได้ผล หายแล้วๆๆๆๆ โล่งอก งั้นไปจุดหมายต่อไปเลยก็แล้วกัน ก็เลยเดินไปขึ้นรถที่สถานีรถไฟ Morinomiya ระหว่างทางก็จะผ่านสวน ที่ตกแต่งต้นไม้ได้สวยงามมาก



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น