วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551

เยือนเกาะศักดิ์สิทธิ์ Miyajima (1)

19 กุมภา
วันนี้จะไปที่ Hiroshima ตาม plan จะขึ้น Hikari รอบแรกสุด ที่สถานี Shin-Osaka ตอน 6 โมงตรง แต่แล้วนอนเพลินไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ที่ปลุกไว้ตอนตี 4 ครึ่ง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ดูนาฬิกา ตายห่า ตี 5:55 แล้ว รีบแต่งตัว ออกจากโรงแรมทันที คิดว่าวันนี้ตอนบ่ายจะกลับมาเที่ยวที่ Osaka ต่อ น่าจะต้องขึ้นรถไฟ ไปหลายที่แน่ๆ (ไม่อยากนั่ง JR Osaka Loop เพราะว่า มันไม่ได้ครอบคลุมทั่วทั้งเมือง) ก็เลยซื้อ 1 Day Pass ราคา 850 เยน แวะซื้ออาหารเช้ากันก่อน มื้อนี้ขออะไรเบาๆ มีผักหน่อย เพราะอยู่ญี่ปุ่น อาหารส่วนใหญ่จะมีผักน้อยมาก ก็เลยเลือกเป็น sandwiches ในที่สุดก็สามารถขึ้น Hikari ได้ตอนรอบ 6:50 ช้ากว่าที่วางแผนไว้ 50 นาที

จาก Shin-Osaka ก็ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะถึงสถานี Hiroshima ระหว่างทาง ผ่านเมือง Fukuyama มองเห็นปราสาทด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าปราสาทอะไร ดูใหญ่เหมือนกัน จุดหมายของเราสำหรับเช้านี้ ก็คือ เกาะ Miyajima ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่ ทุกๆ คนคงจะคุ้นกับภาพของประตูศาลเจ้าสีแดงที่อยู่กลางทะเล หรือที่เรียกว่า Otorii จากสถานี Hiroshima ก็นั่งรถไฟของ JR เจ้าเดิมนี่แหละ ไปลงที่สถานี Miyajima-guchi แล้วเดินต่อไปขึ้นเรือของ JR นี่แหละ เพื่อไปยังเกาะ Miyajima ทุกอย่างเป็นของ JR หมด เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องเสียเงินใดๆ ทั้งสิ้น จริงๆ แล้วท่าเรือมันมี 2 ท่า ก็ดูให้ดีๆ ก่อนละกันว่าท่าไหนของ JR ไม่งั้นจะเสียเงินไม่รู้ด้วย เรือที่นั่งเป็นเรือ ferry ขนาดใหญ่ ซึ่งรถสามารถขึ้นไปได้ เรือรู้สึกจะออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง นั่งอยู่ประมาณ 20 นาทีได้ ก็จะมองเห็นแล้ว Otorii ตั้งเด่นอยู่กลางทะเล

ความรู้สึกแรกที่เหยียบไปบนเกาะก็คือ รู้สึกว่า เป็นเกาะที่เงียบสงบเอามาก ยังไม่ทันที่จะออกจากท่า ก็เจอกวางแล้ว แต่กวางที่นี้ต้องระวังนิดนึง เพราะว่ามันจะกินกระดาษด้วย เพราะฉะนั้น ระวังแผ่นที่ที่ถือๆ ไว้ที่มือ ดูๆ อยู่อาจจะโดนกินโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ก่อนออกจากท่าเรือ ก็มี counter tourist information ให้เราได้หยิบแผ่นที่ และ โบรชัวร์ แนะนำเกาะกันก่อน ซึ่งในนั้นก็มีแนะนำโปรแกรมเดินท่องเที่ยวบนเกาะ Miyajima ด้วย โปรแกรมดังกล่าวก็มีให้เลือก 3 โปรแกรม นั้นคือ 3, 4 หรือ 6 ชั่วโมง บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่า เกาะ Miyajima นี้มีแต่วัด ที่จริงแล้ว ไม่ใช่เลย นอกจากวัดแล้ว บนเกาะนี้ก็ยังมี Aquarium, สวนต่างๆ, ศูนย์หัตถกรรม และจุดชมวิวบนเขา ที่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 430 เมตร แต่จุดหมายของเราคราวนี้ ก็คือ Otorii และศาลเจ้า Itsukushima Shrine เท่านั้น เนื่องจากเวลาเราน้อย และต้องกลับไปเที่ยวต่อในเมือง Hiroshima และกลับไปเที่ยวต่อที่ Osaka แต่ใจจริง พอได้มาถึงบนเกาะ สัมผัสถึงความสงบ และบรรยากาศแล้ว อยากจะลองพักที่เกาะนี้สักคืน

จากท่าเรือ เราสามารถเดินไปศาลเจ้า Itsukushima ได้อย่างง่ายๆ โดยเดินเรียบกับชายฝั่ง รับลมทะเลมาเรื่อยๆ ระหว่างทางก็คณะทัวร์ที่น่าจะกำลังจะกลับไปที่ Hiroshima สวนทางมา โดยมี guide ถือธงนำขบวนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันใหญ่ ที่ท้ายขบวนอาเจ๊คนนึงก็กำลังวุ่นวายกับการให้อาหารกวาง 2 ตัวอยู่ แล้วพออาหารหมด เจ้ากวางก็ยังไม่อิ่ม เดินตามแล้วไปกัดเอากระดาษอะไรสักอย่างที่กระเป๋าของเจ๊แก เจ๊แกก็ตกใจ รีบวิ่งหนีใหญ่ เป็นภาพที่ชวนขำขันยามเช้าจริงๆ เดินไปสักพักก็เจอกับกวาง 2 ตัวยืนนิ่ง โพสท่า ให้ถ่ายรูป อย่างกับเป็นหุ่นยนต์ซะอย่างนั้น เดินไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึง เสาโทริ หรือประตูวัดที่ทำด้วยหิน ขนาดใหญ่ แต่ถ้าใครชอบที่จะเดินดูของ ก็สามารถเลือกทางที่ขนานกันได้อีกทาง ก็จะมาบรรจบกันที่ เสาโทริหินนี้เช่นกัน

จากเสาโทริหิน เดินเข้ามานิดหน่อย ก็จะเจอกับจุดถ่ายรูป ชมวิว กับ Otorii แล้ว สวยงามจริงๆ เสาแต่ละเสาเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มาก ขอเน้นว่าใหญ่มาก ทั้งต้น คาดว่าตัวต้นไม้ที่มาทำเสานี้ คงมีอายุหลายร้อยปี ตัวเสาทาสีแดงสด ตัดกับสีเขียวน้ำทะเล และสีฟ้าของท้องฟ้า สวยมากเลย ลองมองไปที่น้ำทะเล ก็ใสมากๆ สามารถมองเห็นทรายได้เลย แต่ตอนนี้ต้องรีบชมบรรยากาศอย่างเร็วหน่อย เพราะข้างๆ กลุ่มทัวร์กำลังจัดกลุ่มถ่ายรูปหมู่กันอยู่ เรารีบๆ ถ่ายรูป แล้วรีบๆ ไปวัดก่อนกลุ่มทัวร์นี้ดีกว่า

ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดก็ 300 เยน ศาลเจ้า Itsukushima นั้นสร้างอยู่ริมชายฝั่ง แล้วยื่นออกไปยังทะเล ตัววัดทาด้วยสีแดง เช่นเดียวกับ Otorii ภายในก็เป็นทางเดินไม้ ระหว่างทางก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เราสักการะเป็นระยะๆ ที่ศาลนี้เป็นจุดท่องเที่ยวหลักของเกาะ Miyajima เพราะฉะนั้น จะมีกลุ่มทัวร์เยอะมาก เวลาถ่ายรูปก็ต้องหาจังหวะดีๆ ซะหน่อย จากศาลนี้เราก็สามารถมองเห็น Otorii ทางด้านหน้า และเห็น Five-storied Pagoda ด้านหลังด้วย ส่วนกลาง วิหารหลักของศาลก็จะหันหน้าออกไปเจอกับ Otorii พอดี ถ้าใครยังไม่รู้ Otorii นี้ก็คือประตูของศาล Itsukushima นั้นเอง เดินไปเกือบจะสุดทาง ก็จะเห็นสะพานไม้โบราณ ซึ่ง slope ชันมากๆ ไม่รู้ว่าทำไมต้องสร้างชันขนาดนั้น แค่เห็นก็ไม่อยากจะเดินข้ามแล้ว และก็จะเห็นส่วนของศาลที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ ไม่ทาสีใหม่ ส่วนภายในก็จะมีภาพวาดเป็นรูปต้นสนอยู่ หมดแล้วสำหรับศาล Itsukushima เค้าให้เราเดินเป็นทาง one way ห้ามสวนกลับออกไป พอออกมาก็จะเจอกับอีกวัดนึงทันที

วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะ เพราะยังเหลืออีกเยอะเลย สำหรับเกาะ Miyajima ไว้พรุ่งนี้ค่อยเขียนต่อ

ไม่มีความคิดเห็น: