วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2551

เก็บตก Osaka

จาก Hiroshima กลับมายังสถานี Shin-osaka ใช้เวลาแค่ ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้น ตอนนี้ก็ประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ เกือบ 4 โมง ตามแผนก็คือ จะไปวัด Shitennoji ที่เมื่อวานผิดพลาดหลงทางไป เสร็จแล้วก็จะนั่งรถไปดู Universal ไปห้าง Hep Five ไปดูตึกที่ Umeda แล้วกลับมาหาไรกินที่ Dotonburi ในเมื่อเรามีบัตร 1 day pass แล้วทุกอย่างสบาย ฟรี ตลอดทุกสาย พอมาถึง Shin-osaka ก็กะจะนั่งรถใต้ดินของ Osaka ไปลงที่วัดเลย ไม่ต้องนั่ง JR แล้วไปต่ออีกรอบ ไปถึงก็หยิบบัตร จำได้ว่าเก็บไว้ที่กระเป๋าสตางค์ ก็หา เอ๊ะ ทำไมไม่เจอ ไหนหาอีกรอบ อาจจะดูไม่ทั่ว เฮ้ยไม่เจอ ไหนลองในเป้ซิ ก็ไม่เจอ กระเป๋าเสื้อ กระเป๋า coat กระเป๋ากางเกง ก็ไม่มี เฮ้ยหายหรอวะ 850 บาทหายไปกับตา แม่ง เซ็ง หมดอารมณ์ จะเดินกลับไปขึ้น JR อีกก็ไม่เอาแล้ว เลยต้องจ่าย 230 เยนค่ารถไฟ ห่า เปลืองจริงๆ

ไปลงสถานี Shitennoji-mae Yuhigaoka พอลงเสร็จ ก็เริ่มมั่ว จะไปซ้ายหรือขวาดี จะหลงเหมือนเมื่อวานอีกป่าวหว่า แต่คิดว่า ทางนี้แหละ ใช่แน่ๆ เดินไปสักพักเจอป้าย บอกว่าทางนี้แหละ ก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านถนนเล็กๆ มีร้านค้าเล็กๆ ขายของเล็กๆ น่ารักตามแบบญี่ปุ่น ระหว่างทางก็จะมีนักเรียนเดินสวนมาด้วย เพราะว่าที่ตรงวัด Shitennoji นี้ก็มีโรงเรียนอยู่ด้วย เดินไปได้สักพัก ก็มองเห็นสุสานด้านใน อีกทาง ก็เลยเลี้ยวไปดู ผ่านสุสาน เข้าไปก็จะเจอกับวิหารหลังใหญ่ๆ แต่วัดก็ปิดแล้วตามคาด 4 โมงก็ปิดแล้ววัดนี้ ไม่เป็นไรเก็บบรรยากาศข้างนอกก็ได้ สำหรับบรรยากาศ ก็ร่มรื่น เย็นสบาย ไม่มีแดดแล้ว เพราะว่าตอนเย็น เจอคนมาเดินเหมือนกันหลายคน เป็นวัดที่ใหญ่เหมือนกันนะ ขนาดไม่ได้เข้าไปด้านใน มองเห็นเจดีย์ทรงมาตรฐาน ที่เหมือนๆ กันทุกวัด ก็สวยดีนะวัดนี้ เห็น
บอกว่าถ้าได้เข้าไปจะเจอกับพวก พระพุทธรูป ทรงสวยงามมากมาย

เนื่องจากบัตร 1 day pass หายไป อารมณ์เลยเสีย เปลี่ยนแผนใหม่ทั้งหมด เราเน้นเดินดีกว่า จะได้ประหยัด หยิบแผนที่มาดู ใกล้ๆ นี้มันมีย่าน Tennoji ก็เป็นย่านที่มีแหล่งท่องเที่ยวนี่ เดินลงไปหน่อยก็เจอแล้ว ทีแล้ว งง ก็เดินย้อนกลับไปทางเดิมที่เดินมา ผ่านไปได้ครึ่งทาง ก็ระลึกได้ว่า เอ๊ะ มันต้องอีกทางนี่ เดินกลับไปใหม่ ระหว่างทางก็ได้เพื่อนร่วมทางเป็นน้องๆ นักเรียนมากมาย (เพื่อนร่วมเดินเฉยๆ นะ ไม่ได้ไปคุยไรกับเค้า) เดินไปเรื่อยๆ เริ่มกล้า ไปลองเดินถนนใหญ่ที่ขนานกันดีกว่า เดินไปเรื่อยๆ เอ๊ะ ข้างหน้ามันดูบรรยากาศเงียบๆ ไม่เหมือนชุมชนเลย แต่มองไปทางถนนเล็กที่เดินมาตอนแรก คนเยอะจัง งั้นกลับไปเดินถนนนั้นอีกดีกว่า เดินต่อไป เดินเลี้ยวไป เลี้ยวมา ก็เจอ Tennoji zoo ซึ่งปิดไปแล้ว ด้านหน้าของสวนสนุก มีป้ายบอกถึงสถานที่ท่องเที่ยวใน Osaka ก็หาไปหามา เจอแล้ว หอ Tsutenkaku เดินไปได้ไม่กี่นาทีเอง งันเดินตัดสวนสัตว์ไปดีกว่า คือว่า สวนสัตว์นี้ จะมี 3 ส่วน โดยมีทางเดิน ตัดอยู่ ซึ่งคนให้สวนจะเดินไปอีก zone นึงก็จะเดินขึ้นสะพานลอยข้ามถนนไป

พอเดินจนหมดเขตสวนสัตว์ ก็จะเจอกับย่านที่ชื่อว่า Sinsekai เป็นย่านที่มีร้านอาหารไรพวกนี้อยู่ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึงกับ Tsutenkaku Tower แล้ว หอ Tsutenkaku นี้ได้ชื่อว่าเป็น หอ Eiffel เลยนะ ลองมองที่ฐานมัน รู้สึกเหมือนจริงๆ แหะ ใกล้ๆ กันนี้ก็จะมีสวนสนุก Festival Gate ที่มีรางรถไฟเหาะ วนอยู่ทั้งตึก งั้นลองเดินไปดูละกัน ไปถึง เอ๊ะ ทำไมมันเงียบๆ มืดๆ ด้วย ไม่กล้าเดินเข้าไป ระหว่างที่รอๆ ก็มีกลุ่มนักเรียนผู้หญิง เดินเข้าไป โอเค มีคนเดินแล้ว ลองเดินไปละกัน เข้าไปถึง เฮ้ย น้ำพุ ปิด ไฟมืด มองไปข้างบน มีแต่รางในความมืด นี่มันเจ๊งแล้วหรอวะ แล้วทำไมข้อมูลท่องเที่ยวมันไม่ update เลยนะ แล้วพวกน้องๆ นักเรียนนั้น เดินไปไหนกัน ก็เลยลองเดินตาม ตึกมันก็จะไปทะลุ กับ Spa World ซึ่งเป็น Onsen กลางเมือง Osaka

ลองไปเข้าไปดูดีกว่าว่าเป็นยังไง มองๆ เค้าต้องไปซื้อตั๋วที่ตู้ ลองเดินไปดูดีกว่าว่ากี่ตังค์ ที่หน้าตู้มันก็บอกว่า 2,700 เยนวันธรรมดา 3,000 เยนวันหยุด ถ้าอยู่ค้างคืนก็ เพิ่มอีก 1,000 เยน โหแพงจัง ไปดีกว่า ก่อนออก เห็นป้าย ภาษาญี่ปุ่น แล้วมีเขียนว่า 1,000 เยน เอ๊ะ หรือว่ามันลดเหลือ 1,000 เยนเนี่ย คนเลยเยอะ ก็เลยแอบไปมองๆ เค้าว่าหยอดเงินกันกี่ตังค์ เอ๊ะ 1,000 เยนเองนี่หว่า ดีเลย งั้นลองเข้าไปดูดีกว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว หยอดเงิน เสร็จ ก็ไม่รู้เรื่อง เดินเข้าไป เห็น counter ก็ให้บัตรที่หยอดมาได้กับพนักงานไป แล้วเค้าก็ใส่ภาษาญี่ปุ่น มาเป็นชุด อึ้งละซิทีนี้ เค้าคงเห็นหน้าตา งงๆ โง่ๆ เลยถามว่า Wakarimashita? (แปลว่าเข้าใจไหม) คือฟังออกแค่นี้ ก็พยักหน้า Hai Hai ไป เค้าก็ให้ที่ผูกข้อมือมา ซึ่งอันนี้ก็เอาไว้ เวลาออกมันจะบันทึกว่า เราใช้บริการไรเพิ่มหรือป่าว ต้องเพิ่มเงินไหม ยังไม่ทันพ้น counter ดี ก็ได้ยินเสียง Sumimasen จากสาว counter ข้างๆ ก็อ้าวเรียกเราหรอ เดินไปหาเลย ก็ทำหน้าแบบ มีไรหรอ เธอก็ งง ก็ยังไม่ยอมไป ยืนอยู่ได้พัก เธอก็ทำหน้า งง ต่อ รู้สึกได้ ก็เลยหันเดินต่อไป ก้าวแรก ไปบนพื้นพรม เห็นป้ายว่าให้ถอดรองเท้าพอดี พร้อมได้ยินเสียง จาก counter ผู้ชาย ก็ถอดรองเท้า แล้วหันกลับไป เค้าก็ทำหน้าปกติ อ่อ คงจะบอกเราว่าให้ถอดรองเท้ามั้ง ก็เลยรีบถอดรองเท้าแล้วเดินต่อ ตอนนี้รู้สึกตัวเองเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงมาก เข้าไป ก็ยังคงยืนหันไปหันมา ต่อไปเราต้องทำไรหว่า เดี๋ยว รอคนถัดไปมาดีกว่า แล้วก็ตามเค้า แอบฉลาดขึ้นมาหน่อย ขั้นแรก ก็ต้องเอารองเท้าที่ถอดไปใส่ที่ locker ก่อน หยอด 100 เยน เป็น deposite ก่อน ขั้นแรกผ่านไป อ้าว คนนั้นเดิน ลิ่วๆ หายไปแล้ว ตามใครดีหว่า ไปยืนรอหน้า lift คือ งงมาก ตรงหน้า lift มันเขียนว่า Men's floor ชั้น 4 แต่พอไปดูในแผ่นป้ายข้างๆ ชั้น 4 บอกว่าเป็น Roman theme อ้าวแล้วตกลงกูต้องขึ้นไปชั้นไหนเนี่ย รอคนต่อ คราวนี้ก็ต้องรอแต่ผู้ชายละ เห็นกลุ่ม ครอบครัวนึงเดินมา โอเคตามกลุ่มนี้แหละ ขึ้น lift ปรากฏไปหยุด ชั้น 2 ออกเป็นร้านอาหาร อ้าวห่า ไปกินข้าวกันก่อนหรอ กูจะไปอาบน้ำ มากินกันทำไม เอาวะ ลองเดินทีละชั้นเลยละกัน ขึ้นต่อ ชั้น 3 อันนี้เหมือนเป็น zone spa เสียเงิน ไม่เอา ขึ้นต่อ ชั้น 4 เห็นด้านหนึ่งเขียนว่า Men Only สงสัยอันนีแหละ เข้าไปก็เป็น locker เต็มไปหมด เห็นบางคนใส่เสื้อคลุมอาบน้ำออกมา เอ๊ะ แล้วมันเอาตรงไหน มันมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ เอง ตกลงมันยังไง เดินออกมาตั้งหลักก่อน รอให้มีคนเข้าไปแล้ว เดินตามดีกว่า นั่งสักพัก เหยื่อของเรามาแล้ว ไปถึง เค้าก็จะถอดเสื้อ ถอดกางเกง ใส่ locker หยิบผ้า แล้วเดินเข้าไปเลย โอเค ตามนั้น

เข้าไปก็มีอ่างให้เลือกมากมาย หลากหลายแบบ ทั้งแบบญี่ปุ่น แบบอียิปต์ แบบโรมัน แบบ spa หรือแบบ outdoor ท่ามกลางอากาศหนาว ต่ำกว่า 10 องศา เริ่มแรกที่ zone ญี่ปุ่นก่อนดีกว่า ลงแช่แป๊บ โอ๊ย สบาย ผ่อนคลายดีจัง อีก zone ที่ชอบก็คือ zone spa กับ zone outdoor ที่ zone spa ก็จะมีบ่อแบบต่างๆ เช่นบางบ่อจะจัดแสง ให้ผ่อนคลาย บางบ่อมีผสมอะไรสักอย่างลงไป เพื่อบำรุงผิว แล้วที่เด่นสุด คือ ซาวน่าเกลือ ก็ไม่มีอะไร เข้าไปถึง เอาเกลือมาขัดๆๆ ทั่วตัว ขัดซะเพลิน ตอนออกมาแซบ แดงหมดเลย ส่วน zone outdoor นี่ออกไปเจออากาศหนาว นี่วิ่งแทบไม่ทัน รีบลงบ่อไปเลย สบายสุดยอด เพลิดเพลินกับการแช่น้ำ ผ่านไป 2 ชั่วโมงได้ ถึงเวลาจะออกละ จริงๆ อยากอยู่ต่อ แต่หิว ไม่อยากกินข้าวในนั้น ท่าจะแพง ออกมา น่าแปลกมาก ไม่รู้สึกหนาวเลย ก็เดินอยู่แถว Sinsekai ต่อเพื่อหาของกิน แต่ดูแล้วไม่ work ไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อดีกว่าวันนี้ เพิ่งรู้ว่า Spa World เนี่ยอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักมากเลย เดินไม่เท่าไหร่ก็ถึง ระหว่างทาง เจอร้านขายร้านอาหารญี่ปุ่น แบบกลับบ้าน เลือกกิน ข้าวกับสุกียากี้เนื้อ รสชาติเหมือนที่ไทยที่เคยกินเลย แวะซื้อขนมนิดหน่อยที่ Lawson วันนี้เพราะบัตร 1 day pass เล่นเอาเซ็งไปเลย วันนี้พอแค่นี้แล้ว เตรียมตัวกับ Kyoto พรุ่งนี้ดีกว่า

ไม่มีความคิดเห็น: