พอเดินเข้าไปไม่ไกลก็จะถึงตัวศาล เช่นเคยศาลที่นี้ก็ทาสีกันเป็นสีแดงสดกันหมด สวยทีเดียว


กลับออกจากศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha ก็มุ่งหน้าสู่ Kyoto เลย ใช้เวลาไม่กี่สิบนาที ก็ถึง แต่เราก็ยังไม่กลับ Tokyo เลยทันทีนะ ยังมีงานต้องทำก่อนกลับ Tokyo นั่นคือ กลับไปยังโรงแรมห่านั้น แล้วไปดูว่ารองเท้ามันมายัง เนี่ยยังคิดในแง่ดีอยู่นะเนี่ย ไปถึงก็เหมือนเดิมกับตอนเช้ามีแค่รองเท้าแตะเก่าๆ กับ counter ที่ปราศจากผู้คน ไม่รู้ว่าตาลุงนั้นตายไปหรือยัง ก็เลยไปไหว้พระที่ศาลเจ้าเทพเจ้าลิงข้างๆ แล้วก็สาปแช่งไอ้หัวขโมย อย่างที่เล่าไป โอเคช่างมันเถอะ เรื่องมันไม่ดี อย่าไปพูดถึง จากโรงแรมก็เดินกลับไปสถานี เอากระเป๋าออกจาก locker แล้วพร้อมแล้วที่จะเดินทางกลับ Tokyo ด้วยรถไฟความเร็วสูงอย่าง Hikari กะจะขึ้นรถไฟเที่ยวตอน 5 โมงแต่แล้ววิ่งแทบตายก็ไม่ทัน ก็เลยต้องไปนั่งรอเที่ยวต่อไป อีก 35 นาทีรถไฟถึงจะมา ระหว่างนั้นก็ไปซื้อข้าวหน้าปลาไหลบนสถานีมานั่งกินละกัน
จาก Kyoto กลับ Tokyo นั้นก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ระหว่างทางเนี่ยซิ วิวสุดยอดเลย มีผ่านช่วงนึงเป็นทุ่งหิมะ ตลอดทางเลย แปลกมาก แต่พอเลยช่วงนี้ไปหิมะก็จะหายไปหมด amazing จริงๆ ถ่ายรูปมาเยอะมากเลยช่วงนั้น แต่แล้วก็หายไปอย่างที่บอก ขอเศร้าอีกรอบละกัน นั่งมานาน ในที่สุดก็ถึงแล้ว รีบต่อรถไฟ ไปลง Harajuku กันเลย ทั้งๆ ที่แบกกระเป๋าใบยักษ์อยู่ ตอนนี้ก็ 2 ทุ่มนิดๆได้แล้ว นั่งรถไฟต่อไปลง Harajuku ก็ 3 ทุ่มได้ รีบบึ่งไปร้านทันที กระเป๋าก็หนัก ไปถึง ร้านปิด เฮ่อ นึกว่าจะทัน กู เสียเที่ยว เพราะไอ้โรงแรมห่านั้นอันเดียว ตอนนี้โทษแม่งหมดแล้ว ตอนแรกว่าจะไปเดินแถว Gion ที่ Kyoto ก่อนแล้วค่อยกลับ Tokyo แต่เนี่ยจะรีบกลับไปซื้อรองเท้าเลยต้องรีบกลับ แต่ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้กลับมาซื้อใหม่ละกัน คือชอบมากเลยคู่นี้ ยังไงก็ต้องซื้อ นั่งรถไฟกลับ Shibuya เพื่อรอเจอภูริตอน 5 ทุ่มดีกว่า Shibuya กับ Harajuku จริงๆ มันห่างกันแค่ สถานีเดียวเอง จะเดินไปก็ยังได้ แต่ว่ากระเป๋าใบยักษ์เนี่ยแหละ ไม่ไหวยังไงเราก็มีบัตร JR Pass ผ่านตลอดทุกสถานีไม่ต้องกลัวเปลือง ไปถึง Shibuya ก็ฝากกระเป๋าที่ locker แล้ว ไปหาอะไรกิน วันนี้คงหาอะไรกินที่อยากกิน แต่ยังไม่กินดีกว่า เอาเป็นว่า ข้าวหน้าเนื้อละกัน ตอนแรกว่าจะกิน Yoshinoya แต่ว่าไปลองร้านที่ไม่เคยลองดีกว่าว่าแล้วก็เข้าไปกดคูปอง ยื่นให้พนักงาน ได้ละข้าวหน้าเนื้อ 1 จาน ไปถึงเอาไข่เท แล้วก็กิน รสชาติก็จืดๆ ธรรมดาๆ เดินเล่นไปๆ มาๆ แถว Shibuya จนถึง 5 ทุ่ม ก็เจอกับภูริที่เดิม Starbuck ภูริก็พาไปร้านขายของที่มีทุกอย่างที่คุณต้องการ (ไม่ถึงกับทุกอย่างหรอก แต่ก็มีเยอะจริงๆ) ตั้งแต่ขนม เสื้อผ้า ของเล่น ของใช้ เครื่องไฟฟ้า กระเป๋า brand name ก็ยังมี ร้านนี้ชื่อว่า Donki ถือว่าเป็นร้านที่ดีร้านนึง แถมยังเปิด 24 ชั่วโมงด้วย ถ้าใครสนใจก็ลองเข้าไปดูที่เว็ปของร้านได้ นี่เป็น link ของสาขา Shibuya ลองซื้อโฟมเปลี่ยนสีผมให้ทองไปลองใส่ดีกว่า เสร็จวันนี้ก็กลับไปนอนที่บ้านภูริ หมดไปอีก 1 วัน
credit picture from wikipedia
1 ความคิดเห็น:
เพิ่งรู้ว่าร้านมันมีเวปด้วย
แสดงความคิดเห็น