วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ Himeji Castle

หลับเพลิน ตื่นมาอีกที ถึงสถานี Kobe แล้ว ว่าแต่มันอยู่ไหนเนี่ย เอาตารางรถไฟมาดู อ้าว อีกสถานีเดียวก็จะถึงแล้ว เตรียมตัวๆ จากสถานี Kobe ก็ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานี Himeji พอลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นปราสาทเลย เดินลงมาข้างล่าง ก็จะพบกับแบบจำลองของปราสาท Himeji และก็เกี้ยว หรืออะไรสักอย่าง ทันที อยู่ในสถานีเลย ขั้นแรกต้องหา locker ใส่กระเป๋าซะก่อน เอากระเป๋าใส่ locker หยอดเหรียญไป 300 เยนแล้วไขกุญแจ แค่นี้ก็เรียบร้อย สบายตัว ไม่ต้องแบกอีกต่อไป

อย่างที่บอกจากสถานีก็สามารถมองเห็นปราสาท Himeji ได้ เพราะฉะนั้น แผ่นที่อะไรก็ไม่จำเป็นแล้ว ก็แค่เดินๆ ตรงๆ ไปจากสถานีไปเรื่อยๆ ก็จะถึงปราสาทแล้ว ถนนที่จะนำไปยังปราสาท ก็เดินได้หลายสาย ซึ่งทั้งสองสายมันจะขนานกัน และใช้เวลาเท่ากัน สายแรก ก็จะเดินไปตามถนนใหญ่ ซ้ายและขวาก็จะเป็นวิวของเมือง ระหว่างทางก็จะมีพวกรูปปั้นต่างๆ แล้วก็ศูนย์ท่องเที่ยวของ Himeji ส่วนอีกสาย ก็จะเป็นถนนคนเดิน ข้างบนมีหลังคาบังแดด บังฝน สองข้างทางก็จะเป็นร้านขายของ ทั้งร้านอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ มีหมด เดินไปได้ไม่ถึง 20 นาที ก็จะถึงปราสาท

สัมผัสแรก รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของปราสาท ภายนอกมีคลองกั้น เลยคลองก็จะเป็นกำแพงสูง ซึ่งเราสามารถเข้าไปได้โดยผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่ พอผ่านประตูเข้าไป ก็จะเจอกับลานกว้าง ไม่รู้ว่าปกติจะมีหญ้าหรือป่าว พอดีไปช่วงหน้าหนาว เลยมีแต่ทราย จากมุมนี้ จะเห็นปราสาทเด่นอยู่ข้ามกลางฟ้าสีฟ้าใส เป็นภาพที่สวยจริงๆ มีคนญี่ปุ่นเยอะแยะกำลังถ่ายรูปที่มุมนี้อยู่เช่นกัน ที่ลานนี้ก็จะมีเด็กๆ วิ่งเล่นเต็มไปหมด จริงๆ ในบริเวณนี้ นอกจากตัวปราสาทซึ่งเป็น Hi-light ของเมืองแล้ว ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆ อีก เช่นสวนสัตว์ Himeji ที่อยู่ข้างๆ ของปราสาทนี่เอง แต่คราวนี้ไม่ได้เข้านะ เดินเลาะลาน ไปยังปราสาท ก็เสียค่าเข้าชม 600 เยน พร้อมรับบัตรเข้าชม และแผ่นพับแนะนำปราสาท

สำหรับปราสาท Himeji นี้ก็ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1992 และเป็นปราสาทเดียวที่ยังคงสภาพได้เหมือนแต่แรกที่สร้างมา (ตามที่เข้าใจนะ) จุดสนใจก็สำหรับปราสาท Himeji นั้นก็ไม่ได้มีแค่ตัวปราสาทเพียงอย่างเดียว รอบๆ ปราสาทก็ยังมีส่วนต่างๆ ที่น่าสนใจอยู่ด้วย แนะนำมาพอแล้ว ลองเข้าไปชมด้วยกันดีกว่า จากทางเข้า ก็จะเจอกับกำแพงชั้นแรก ผ่านกำแพงไป ก็จะพบกับสวน มีทางเลือกให้เราเลือกเดิน 2 แบบคือ ทางเดินปกติ คือ เดินทั่วๆ หรือว่าทางที่ลัดไปที่ปราสาททันที เราจะชมทั่วๆ งั้นก็ไปตามทางปกติดีกว่า จากสวน เราก็จะไปยังกำแพงชั้นนอกซึ่งจะเชื่อมกับห้องของเจ้าหญิง Sen ไปถึงก็ต้องถอดรองเท้าแล้วใส่ถุงหิ้ว เดิน บนระเบียงก็จะมีห้องหับต่างๆ และช่องที่เอาไว้ปล่อยหิน พอเดินไปสุดทางก็จะเจอกับห้องของเจ้าหญิง Sen

จากกำแพงชั้นนอก เดินเข้ามาผ่านกำแพงอีกชั้นนึง (ไม่รู้ว่า คือกำแพงชั้นในหรือป่าว) ก็จะเจอกับบันไดหิน ซึ่งหินแต่ละก้อนใหญ่ๆ ทั้งนั้น ตามคู่มือ เค้าบอกไว้ว่า หินบางก้อน เอามาจากวัดใกล้ๆ นั้น โดยอาจจะเป็นหินของหลุ่มศพบ้าง หินโลงศพบ้าง ระหว่างทางก็อย่าลืมดูพวกกระเบื้องที่ประดับอยู่บนหลังคาด้วย เพราะว่า จะมีลายประจำของโชกุนแต่ละคน ที่สร้างหรือปรับปรุงตัวปราสาท ที่ผ่านมา และที่ทำให้ทึ่งมากๆ ก็คือ กำแพงหินที่สร้างขึ้นแล้วสามารถตัดให้ได้ curve ที่สวยงามมาก เมื่อเราเดินเข้าใกล้ปราสาทเรื่อยๆ ก็จะมีห้องหับต่างๆ เช่นที่เก็บข้าวและเกลือเพื่อช่วงสงคราม ห้องยาม บ่อน้ำ ก่อนขึ้นตัวปราสาท ก็จะเจอกับลานอีกลาน จากลานนี้ก็สามารถมองวิวของเมือง Himeji ได้เช่นกัน ตรงลานก็มีห้องน้ำ ถ้าใครปวดก็สามารถเข้าก่อนได้

มาถึงตัวปราสาท ก่อนอื่น ก็ต้องถอดรองเท้า แล้วใส่ถุงหิ้วก่อน ตัวปราสาทมีทั้งหมด 6 ชั้น และ 1 ชั้นใต้ดิน ชั้นใต้ดิน ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นห้องครัว กับห้องเก็บของ ชั้นนี้มืดมากเลย พอขึ้นไปชั้นแรกก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ในตู้ เช่นภาพเขียน เศษกระเบื้อง ผังปราสาท ชั้น 2 เป็นชั้นที่เก็บอาวุธ ตัวโบราณวัตถุที่นำมาแสดง ก็จะเป็นพวกอาวุธโบราณ ชุดเกราะต่างๆ ชั้น 3 ก็จะโชว์พวกรูปถ่ายเก่าๆ ชั้น 4-5 ก็ไม่มีอะไรโชว์ ยิ่งเดินขึ้น พื้นที่ในตัวปราสาทก็จะยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ จากชั้นแรกที่พื้นที่ใหญ่ ประมาณห้อง 4-5 ห้อง ก็จะลดเหลือเพียงห้อง ห้องเดียวเท่านั้น บนชั้นบนสุดนี้ เราก็จะสามารถชมวิว ของเมือง Himeji ได้รอบทิศ รวมถึงเป็นช่อฟ้าของปราสาทได้ด้วย (ไม่รู้ว่าเค้าเรียก ช่อฟ้า หรือป่าวนะ ไอ้ที่พูดถึงนี้ก็คือ รูปหล่อรูปปลาที่ระดับอยู่บนหลังคาของปราสาทนะ) นอกจากนี้ยังมีศาลอยู่บนนั้นให้ไหว้ด้วย แล้วอย่าลืมประทับตรา ว่าเราได้มายังปราสาทนี้แล้ว ที่ญี่ปุ่นตามสถานที่ต่างๆ จะมีตราให้เรา stamp ไว้เป็นที่ระลึก เพราะฉะนั้น อย่าลืมเตรียมสมุดไว้สะสมตราประทับพวกนี้ด้วย พอลงมาก่อนจะออก ก็จะพบกับโครงไม้จำลองของปราสาททำให้ไว้ดู ก็อย่าลืมดูกันด้วยละ

ออกจากตัวปราสาท ก็ยังไม่หมด เราสามารถเดินไป ชมตึกที่เรียกว่า Harakiri-maru ซึ่งก็คือ ที่เอาไว้ให้ซามุไรทำ Harakiri นั่นเอง (Harakiri คือการคว้านท้อง ฆ่าตัวตายของซามุไร) ส่วนอีกที่ ก็คือ บ่อน้ำของ Okiku บ่อนี้ก็มีเรื่องเล่ามาว่า ข้าทาสในปราสาทชื่อ Okiku ไปรู้ว่าหัวหน้าผู้ติดตามโชกุนคิดที่จะฆ่าโชกุนแล้ว ขึ้นครองบังลังค์แทน จึงทำการขัดขวางแผนการ ต่อมาหัวหน้าผู้ติดตามคนนี้ก็รู้ว่า Okiku นั้นเป็นต้นเหตุทำให้แผนการไม่สำเร็จ ก็เลยขโมยจาน (จานที่เป็นของล้ำค่า) 10 ใบไป แล้วใส่ความเธอ ทำให้เธอถูกทรมานจนตาย แล้วหัวหน้าผู้ติดตามนี้ก็โยนร่างเธอลงในบ่อนี้

ก่อนออกจากปราสาทก็มีร้านขายของที่ระลึกให้เราได้ระบายเงินในกระเป๋าเป็นด่านสุดท้าย หมดแล้วกับปราสาท Himeji ทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของปราสาท แล้วความสามารถในการสร้างปราสาทในสมัยก่อนได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นหินที่ถูกขนมาสร้าง การตัดหินให้เรียบ โค้งสวย หรือไม้ท่อนใหญ่ๆ หลายร้อยต้นที่มาสร้างเป็นโครงของปราสาท แต่ไม่เข้าใจว่า สมัยก่อน โชกุนนี่อยู่ชั้นบนสุด แล้วจะเข้าห้องน้ำ หรือว่าอะไรพวกนี้ จะทำยังไง ต้องไต่ลงมาถึงข้างล่าง หรือป่าว มันก็ไม่ใช่เตี้ยๆ เลย

เสร็จจากปราสาท ประมาณเที่ยงได้ ก็รีบเดินกลับมายังสถานีรถไฟ Himeji เพื่อจะขึ้นรถ Hikari เช่นเคยเพื่อกลับไปยัง Osaka ด้วยความเร่งรีบ ก็ซื้อเป็นข้าวกล่องกินบนรถละกัน จาก Himeji ไป Osaka ก็แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง ใกล้มากเลย

คราวนี้รูปเยอะ เลยทำเป็น slide show เลยละกัน จริงๆ รูปมีเยอะกว่านี้ เช่นพวกรูปในปราสาท แต่เอาแค่นี้ก่อนละกัน ถ้าจะดูรูปใหญ่ก็กดไปที่รูปเลยนะ

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เล่าเรื่องละเอียดดี ...... ยอดเยี่ยมมาก