22 กุมภา
วันนี้ปลุกนาฬิกาไว้ 8.30 แต่กว่าจะตื่นเอาเข้าจริงๆ ก็ 9 โมง ส่วนภูรินะหรอ ยังนอนอุตุ วันนี้จะไป Kamakura แต่ภูริไม่ได้ไปด้วยนะ รายนั้นต้องไป lab ไม่ว่างไปเที่ยวด้วย กว่าจะออก กว่าจะถึงสถานี Tokyo การจะไป Kamakura เราจะต้องไปต่อรถไฟ JR สาย JR Yokosuka สรุปกว่าจะได้ขึ้นก็ 10.10 ยังไม่ได้กินไรเลย เช้านี้ เอาขนมใบเมเปิ้ล ขึ้นมากินดีกว่า คงยังจำกันได้ว่าขนมนี้เป็นขนมขึ้นชื่อของเกาะ Miyajima จาก Hiroshima จะบอกว่าซื้อมา 3 อัน เพิ่งได้กินหมดก็วันนี้เอง เหอๆ
จากตารางเดินรถมันบอกว่านั่งต้นสายที่สถานี Tokyo แล้วก็นั่งไปสุดสายที่สถานี Kamakura เพราะฉะนั้น ก็แค่นั่งไปเรื่อยๆ จนสุดสายก็ถึง ก็แค่มองดูป้ายว่าสถานีนี้คือ Kamakura หรือยัง แต่แล้วมันก็ไม่เป็นอย่างนั้น พอถึงสถานี Ofuna ก็เห็นคนลงหมด เหลือแค่เรากับพวกฝรั่งไม่กี่คน ที่ยังนั่งอยู่ รถไฟก็จอดอยู่สักพัก รถก็เคลื่อนที่ แต่เอ๊ะ ทำไมถึงวิ่งย้อนกลับไปทางที่มาเมื่อกี้นี้เนี่ย ตายห่า เกิดไรขึ้น พอนั่งไปถึงสถานี่ต่อไป Totsuka ก็รีบลง แต่แอบหลบกลุ่มฝรั่งหน่อย เดี๋ยวมันจะนึกว่าไอ้นี้ก็โง่เหมือนกัน แล้วก็นั่งย้อนกลับไปใหม่ แล้วก็ไปต่ออีกด้านนึง มันถึงจะไป Kamakura ต้องดูป้ายที่เค้าเขียนไว้ข้างบน
ในที่สุดก็ถึง Kamakura ออกจากสถานี เราจะต่อรถไฟของที่นี้กันต่อ แต่คราวนี้ไม่ฟรีแล้ว เพราะมันไม่ใช่ JR แต่แล้วเรามีบัตร PASSMO สามารถเอามาใช้ได้ จากสถานี Kamakura เรานั่งรถไฟ รถไฟที่ Kamakura เนี่ยน่ารักดี คันไม่ยาวมาก ข้างในมีพวกการ์ตูนด้วย ถ้าจำไม่ผิด เราจะมาลงที่สถานี Hase จากสถานีเดินไปไม่ไกลก็จะถึงวัด Hasedera เราจะเห็นโคมไฟสีแดงอยู่ที่หน้าประตูวัด และต้นสน แต่พอมองลอดโคมไฟเข้าไป เท่านั้น ก็ตะลึงกับดอกบ๊วยที่บานสะพรั่งอยู่ภายในวัด สวยโคตรสวยเลย งั้นรีบจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชม 300 เยนแล้วเข้าไปเลยดีกว่า ในวัดจะเป็นสวนญี่ปุ่นที่จัดไว้ แต่จะมีต้นบ๊วย ที่มีดอกบานสะพรั่งอยู่เต็มต้น เป็นภาพที่สวยมากๆ เลย ถือว่า ทดแทน ซากุระ ที่ไม่ได้เห็นได้เลยทีเดียว มีทั้งชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวตื่นเต้นกับภาพดอกบ๊วยที่อยู่เบี้องหน้า พากันถ่ายรูปกันสนุกสนาน ถ่ายรูปเพลิน ลืมไปว่าอยู่ในวัด เราต้องไปไหว้พระนี่หน่า
เดินขึ้นไปเราจะเยอะกับเทวรูปมากมาย วางเรียงอยู่ มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่เต็มไปหมด เค้าบอกว่าเทวรูปเหล่านี้สร้างอุทิศให้กับเด็กทารกที่เสียชีวิตจากการทำแท้งแหละ น่าสงสารจังทำแท้งกันเยอะขนาดนี้เลยอะ เดินขึ้นไปอีกนิดก็จะเจอกับวิหารสีเลือดหมู สไตล์ญี่ปุ่นต่างๆ แต่ยังไม่เข้าวิหารดีกว่า ขอเดินดูรอบๆ ก่อน รอบๆ ก็จะมีพระพุทธรูปอยู่เช่นกัน และดอกบ๊วยของเราก็ยังไม่หมด ข้างบนก็ยังมี เดินไปเรื่อยๆ จะมีมุมให้ชมวิวเมือง Kamakura และอ่าว Sakami เราจะได้เห็นทะเลกันจากมุมนี้ด้วย ริมสุดจะมีวิหารเก็บคัมภีร์ต่างๆ ที่เก็บคัมภีร์เป็นไม้ สามารถหมุนได้ด้วย ใกล้ๆ กันนั้นก็มีร้านขายอาหารด้วย เดินต่อไปก็จะเป็นทางเข้าสู่ Prospect Road ชื่อไฮโซดีไหม จริงๆ ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็เป็นทางเดินขึ้นไปบนไหล่เขา ระหว่างทางก็จะมีพันธุ์ไม้ดอกให้ชื่นชม แต่ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว เลยมีแต่กิ่งๆ มีดอกไม้ให้เห็นบ้าง แต่ก็น้อยมาก ระหว่างทางก็จะมีพระพุทธรูปให้เราสักการะตามรายทาง บางช่วงต้นไม้จะแวกออกไป ทำให้เราก็สามารถเห็นวิวเมือง Kamakura ได้ด้วย เดินลงจากเขา ออกจาก Prospect Road กลับมาบริเวณชมวิว เพิ่งสังเกตุเห็นนกที่บินไปบินมาอยู่บนฟ้าว่า มันคือ นกอินทรีย์ ตัวใหญ่ สง่างามดีจัง
ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมไม้แกะสลัก แล้วหุ้มด้วยทอง ซึ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นภายในวิหารที่เราผ่านไปตอนแรก องค์ทองอร่ามสวยงามมากเลย ชื่นชมความงามขององค์เจ้าแม่กวนอิมสักพัก ก็กลับออกมา เดินลงไปชมดอกบ๊วยกันอีกรอบ สวยมากเลยอะ ขอบอก ลองเดินไปอีกด้านของสวน เราจะพบกับถ้ำ เป็นไง amazing ไหม มีทั้งเขา มีทั้งถ้ำ มีทั้งดอกไม้ เป็นวัดที่คุ้มจริงๆ ภายในถ้ำ ก็จะเป็นทางมืดๆ ให้เราเดิน อารมณ์ตื่นเต้นนิดๆ น้องผู้หญิงชาวญี่ปุ่นร้องกลัว เกาะขาคุณพ่อของเค้าใหญ่เลย แต่น้องผู้ชายอีกคนเนี่ยซิ ไม่กลัว วิ่งใหญ่เลย พอเข้าไปเราจะพบกับเทวรูปนับร้อยอีกเช่นกัน ตอนขาออกเพดานถ้ำจะเตี้ยมาก เราต้องย่อตัวเดินออกมา ก็สนุกดี ก่อนจะลาจากวัด Hasedera ก็ขอชมดอกบ๊วยกันอีกรอบ สวยจริงๆ เลย
วันจันทร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
1 ความคิดเห็น:
not PASSMO, but PASMO.
แสดงความคิดเห็น