เมื่อวันแรกที่มา ภูริบอกว่า มีข่าวที่ไม่ดีออกมา นั่นก็คือ มีข่าวขู่วางระเบิดที่สถานีรถไฟใต้ดิน ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งก็คือวันนี้นั่นเอง ภูริก็บอกว่าระวังเอาไว้ดีๆ หน่อยละกัน อย่าพยายามนั่งรถ Metro แต่ JR ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยก็ระวังหน่อย ก็เอาเหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มาถึงญี่ปุ่นแล้วจะให้นั่งอยู่กับห้อง กลัวระเบิดไม่ไปไหน ก็คงไม่ได้นะ เพราะฉะนั้น ช่างมัน กูจะเที่ยว ถ้าระเบิดก็ถือว่าซวยไป หวังว่า ที่บ้านคงจะได้รับเงินประกันนะ ไม่สนละออกเดินทางเลยละกัน
วันนี้นัดกับพี่ต้าเอาไว้ว่าจะไปเดิน Shinjuku กับ Harajuku กัน สำหรับใครที่ไม่รู้จักพี่ต้า พี่ต้าเป็นแอร์ แต่ไม่เหมือนริน ในสงครามนางฟ้านะ พอดีพี่ต้ามีวันว่างที่ตรงกันพอดีที่ญี่ปุ่น เลยนัดกันได้ อะไรจะพอดีได้ขนาดนี้ แต่วันนี้ภูริไม่ว่างช่วงบ่าย ต้องไปทำธุระอะไรสักอย่าง นัดกับพี่ต้าไว้ประมาณ 11 โมงที่หน้าร้าน Kinokuniya ที่ Shinjuku ตอนแรกกะจะตื่นสัก 9 โมง แล้วไปกินซูชิร้านอร่อยและคุ้มแถว Shibuya ที่ภูริแนะนำ แต่เอาเข้าจริงๆ ตื่นไม่ไหว 9 โมงครึ่งกว่าจะลุกจากเตียงได้ ไปถึงร้าน ร้านก็ดันยังไม่เปิด ร้านเปิด 11 โมงแหนะ ไม่ไหวสายเกินไป เลยไปกินร้านอื่น เดินไปเดินมาแถว Shibuya สรุปก็ไปกินร้าน First Kitchen เป็นร้าน fastfood ของญี่ปุ่น แบบเดียวกับ Mc หรือว่า KFC
ร้าน First Kitchen ก็จะมีพวก burger ต่างๆ ไรพวกนี้ เมนูที่เลือกกินก็เป็น burger ใส่ไข่กับเบคอน กับ french fried ส่วน french fried ก็มีรสให้เลือกมากมาย ตอนแรกก็สั่ง เหมือนเดิม ใช้วิธีชี้ แต่ว่าขอแนะนำเป็น trick นิดนึง ทุกร้านที่เป็น fastfood ของญี่ปุ่น คำถามแรกที่เค้าจะถามก็คือ จะกินที่นี้ หรือป่าว ไม่ใช่ไปถึงก็สั่งๆ แบบที่บ้านเรา แล้วคำถามนี้เป็นคำถามสุดท้าย มันไม่ใช่นะ ถ้าไปถึงชี้ เค้าจะทำท่างงๆ เล็กน้อย แล้วใส่ภาษาญี่ปุ่นกลับมา ถ้าเรายังคง งง ชี้แต่อาหารมาอีก เค้าก็จะถามสั้นเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นว่า Here? เราก็จะ อ่อ แล้วก็พยักหน้า แล้วชี้ที่พื้น แล้วพูดว่า Yes กลับมาที่ french fried เค้าก็จะมีให้เลือกหลายรส เช่น ชีส แล้วก็รสแปลกๆ ของญี่ปุ่นเค้านะ จำไม่ได้แล้ว ก็ basic สุดก็เนี่ยแหละ cheese ตามปกติ เค้าจะให้ซองมาซองนึงเป็นผงชีสแล้วให้เรามาใส่ใน french fried แล้ว shake ผสมกันเอง แต่พนักงานคงเห็นว่า ตานี่ แม่งไม่รู้เรื่องแน่ ก็เลยไปเขย่ามาให้ เสร็จพร้อมกิน ส่วนเครื่องดื่ม ตอนแรกไม่รู้จะกินไร ก็บอกว่า lemon tea เจ๊แกคงเข้าใจบ้านนอกเข้ากรุง หยิบเอา iced tea ธรรมดามา แล้วเราจะต้องเอาน้ำมะนาว กับน้ำเชื่อมมาใส่เอง แต่ตอนแรกไม่รู้หรอกนะว่ามันต้องใส่เอง แต่เห็นข้างๆ มีไรวางไว้ ก็เลยหยิบมาดู โชคดีที่หยิบมาไม่งั้นก็ต้องเดินไปเอามาอีก รสชาติอาหารมื้อนี้ก็โอเค ตามแบบฉบับ fastfood ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่าที่พิเศษก็คือ เจอสาว 2 คน คนนึงกำลังแต่งหน้า แบบที่ Harajuku นะ (เรียกไม่ถูกว่า แต่งแบบไหน) ส่วนอีกคนนึงกำลังหลับ เอาแรง ภูริบอกว่า ปกติเสาร์หรืออาทิตย์ ตามร้าน fastfood จะเห็นพวกเด็กผู้หญิงมานั่งแต่งตัว หรือนอนพักก่อนที่จะไปโชว์ตัว ที่เค้าต้องมาแต่งตามร้านนี่ ก็เพราะบางคนก็แอบที่บ้านมาแต่ง ก็คงคล้ายๆ กับคนไทยแหละ แต่คนไทยไม่แต่งเท่าเค้าแค่นั้นเอง กินเสร็จ ก็แยกกับภูริ เพื่อไปหาพี่ต้า
จาก Shibuya นั่งรถไฟ JR ไม่กี่สถานีก็ถึงสถานี Shinjuku ออกจากสถานี เจอแผ่นที่ใบใหญ่ เมื่อวานภูริบอกว่า Kino มันอยู่ตรง Takashimaya ก็มองหาในแผ่นที่ นั่นไง ไกลเชียว ก็เดินๆ ไปถึง ก็ลองเดินหา ไม่น่าจะหายาก เพราะปกติ Takashimaya ที่เคยไปที่ประเทศอื่น มันจะมี plaza อยู่ข้างนอกแล้วก็ร้าน Kino ก็ต้องอยู่ตรงนั้น ง่ายมาก ถึงเวลาก็เดิน เอ๊ะ ทำไมไม่มี plaza ออกไป สุดตึกก็เป็น Tokyo Hands (ร้านขายของแนวเครื่องเขียนและสำนักงานขนาดใหญ่) เดินไปข้างหน้า มีผังของร้าน ก็ดูๆๆ นั่นไง Kinokuniya อยู่ชั้นล่างสุด ลงไป เอ๊ะ มันเป็น super นี่หน่า เดินวน 1 รอบ เอ๊ะ อยู่ไหน ไม่เห็นมี ลองไปหาผังชั้น ก็มีนี่ เขียนว่า Kinokuniya อยู่ตรงนั้น ก็เดินไปตามที่ผังมันเขียน ไปถึงเป็นมุมขายเนื้อ (kuni = เนื้อ)(มารู้ทีหลังว่า Kino นะมันแยกออกอีกตึกนึง แต่อยู่ใกล้ๆ กับ Takashimaya) เฮ้ยอะไรเนี่ย ตอนนี้เวลาก็เกือบเที่ยงแล้ว ทำไมดี สงสัยต้องโทรศัพท์แล้ว เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีโทรศัพท์ เลยนัดกับพี่ต้าว่า ถ้าไม่เจออะไรกันให้โทรไปหาภูริ ก็เลยไปหาโทรศัพท์ นั่นไงเจอละ ไปถึง อ้าวให้ได้แต่การ์ด แม่งอะไรเนี่ย คิดไปคิดมา สถานีรถไฟมันต้องมีโทรศัพท์แน่ๆ เดินกลับไปสถานีอีก กว่าจะเจอโทรศัพท์ ก็ล่อไป 10 นาที โทรไปหาภูริ ได้ความว่า พี่ต้าจะรอที่ร้าน Louis ที่ Takashimaya โอ๊ย เดินย้อนกลับไปอีก ถึงร้าน Louis ในที่สุดก็เจอพี่ต้า สรุปนัดกัน 11 โมง กว่าจะเจอกันเกือบบ่ายโมง
จาก Takashimaya ก็เดินออกไปทาง Shinjuku Southern Terrace ก็จะเห็นวิวตึกสูงใน zone ของ Shinjuku Skycraper ไอ้ Shinjuku Southern Terrace นี่ก็เป็นส่วนที่ทำคล้าย ระเบียง แล้วก็มีร้านพวก cafe ต่างๆ อยู่เป็นระยะ ดูชิวๆ ดี เดินผ่านที่นึง เอ๊ะ ทำไมคนเยอะ มาเข้าแถวอะไรกัน ก็มองๆ อ้าว นั่นมันร้าน Krispy Kreme นี่หน่า อะไรเนี่ย ทำไมที่นี้ถึงได้ฮิตจัง แต่ละคนทำหน้าเบ้ ทำไมเพิ่งมาฮิตกันเนี่ย (จริงๆ ก็ยังไม่เคยกินเหมือนกันนะ) เสร็จสุด Terrace ก็ออกมาจากถนน เดินอยู่บนทางเท้า และถุงพลาสติที่ปลิวกับสายลมบนถนน ไม่นึกว่า จะเจอแบบนี้ที่ญี่ปุ่น รู้สึกอย่างกับอยู่ข้างถนนที่ไทย แถวสยาม พี่ต้ามีภารกิจมีคนฝากซื้อถุงน่องเวลาเต้น Ballet มา ก็หาร้าน มองไปปุ๊บก็เจอเลย โชคดีจริงๆ ซื้อเสร็จ ไปหาแผ่นที่ดีกว่าว่าแถวนี้มมีไรน่าสนใจดู มันมีแต่ห้างๆ แล้วก็ห้าง แล้วรู้สึกเหมือนห้างก็ไม่มีอะไร เหมือนเดินพาต้าแบบนั้น ไม่มีไรเลย ห้างก็ไม่อยากเดิน ของในห้างดูไม่มีอะไร ไปแถว Kabukicho ดีกว่าน่าจะมีอะไร
เดินจากฝั่งนึงของสถานี JR ไปยังอีกฝั่งสู่ย่าน Kabukicho ไปถึงก็มีร้านอาหารมากมาย ความจริงย่านนี้เป็นย่านที่จะคึกคักมากในช่วงกลางคืน เพราะได้ชื่อว่าเป็น Red Light District จะต้องแปลไหมเนี่ย แปลหน่อยก็ได้ ก็คือ จะเป็นย่านพวกบาร์ ผับ โรงแรมมม่านรูด มีโชว์ไรงี้ แนวๆ พัฒน์พงศ์ ประมาณนั้น แต่นี่ไปตอนกลางวันก็เลยค่อนข้างเงียบ มีแต่ร้านอาหารที่เปิดๆ อยู่ พี่ต้าอยากกินไก่ทอดของ Lotteria มาก พอดีแถวนั้นมีอยู่ร้านนึงพอดี เลยไปนั่งกินกัน Lotteria เป็นร้าน Fastfood ที่มาจากประเทศเกาหลี ขายอาหารแนว Mc ไก่เค้ากรอบนอก นุ่มในมาก กัดๆ อยู่ดีๆ กระดูกหลุดออกมา หล่นบนโต๊ะเลย นุ่มขนาดไหน กินไปได้สักพัก มีกล่มเด็กแว๊นของญี่ปุ่น เค้ามาในร้าน ส่งเสียงเอะอะ โวยวาย ก็รู้สึกกลัวกันเลยรีบกิน แล้วเผ่นออกมา ดูแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไปแล้วสำหรับ Shinjuku ไป Harajuku ดีกว่า ชีวิตน่าจะดีกว่านี้
รูปไม่ค่อยเยอะ เพราะมัวแต่หากันไปหากันมา แล้วมันก็ไม่ค่อยมีอะไร








4 ความคิดเห็น:
French Fries ปะ
แก้แล้ว ผิดได้ไงฟะ
มาเอาพี่ต้า ของเราไปเที่ยว ไม่ขออนุญาติ เลยนะ โกรธๆๆๆๆ
5555555
เกือบไม่ได้เจอกันเนอะ
สุดท้ายก็ได้เจอกันในสถานที่หรูหรา
เหมาะกะเราสองคน
หลุยส์ วุตตง...
แสดงความคิดเห็น